แนวคิดการจัดการ การทำงานในองค์การ ยุค DISRUPTION
แนวคิดการจัดการ การทำงานในองค์การ
ยุค
DISRUPTION
โลกของการทำงานทุกวันนี้องค์กรต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วตลอดเวลาทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี สงครามการค้าระหว่างประเทศรวมถึงความต้องการของผู้บริโภคที่แปรผันไปตามกระแสสังคมและเป็นแบบส่วนบุคคลมากยิ่งขึ้นสิ่งเหล่านี้จึงเป็นเหตุให้องค์กรที่ปรับตัวช้าไม่ทันต่อกระแสยุคดิจิตอลกลายเป็นองค์กรที่ล้าหลังและอาจต้องปิดกิจการลงในที่สุด
ดังนั้นการที่องค์กรจะอยู่รอดได้ จำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆไม่เฉพาะแค่เรื่องการเพิ่มขีดความสามารถเท่านั้น แต่ต้องเพิ่ม ‘ความเร็ว’
ที่องค์กรจะต้องบริหารเรื่องนี้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย
ทางผู้เขียนได้เลือกการทำงานแบบ
Agile แล้วการทำงาน แบบ Agile
คืออะไรกันล่ะ ?
Agile คืออะไร ?
Agile จะออกเสียงว่า
‘อไจล์’ หรือ ‘อา-ไจล์’ หรือ ‘แอ-ไจล์’ มันคือ ‘แนวคิดในการทำงาน’
(ไม่ใช่รูปแบบวิธีการหรือขั้นตอนในการทำงาน)
และไม่จำกัดว่าแค่ต้องนำไปใช้กับการพัฒนาซอฟต์แวร์เท่านั้น
แต่อไจล์ให้ความสำคัญในเรื่อง ‘คน’ ‘การสื่อสาร’ และ ‘แนวทางที่จะนำไปใช้พัฒนาสินค้าและบริการ’
ขององค์กรให้ได้อย่างรวดเร็ว
เพื่อให้สินค้าและบริการเหล่านั้นสามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานรวมถึงผู้บริโภคอยู่เสมอ
โดยทั่วไปองค์กรส่วนใหญ่มักจะทำงานด้วยระบบจัดการที่มีชื่อเรียกว่า
Project Management โดยมี Project Manager หรือ PM เป็นผู้จัดการโครงการและมีทีมมานั่งวางแผนร่วมกันก่อนที่จะเริ่มโครงการ
ดูทั้งเรื่องงบประมาณโครงการ ระยะเวลา กำลังคน และองค์ประกอบอื่นๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบโครงการ ซึ่งมักจะใช้รูปแบบการทำงานแบบ ‘Waterfall Process’ คือแบบมีขั้นมีตอน ซึ่งเป็นการทำงานที่ต้องให้ผ่านไปทีละขั้น
แต่แนวคิดอไจล์นั้นมีรูปแบบการทำงานที่ต่างออกไป อาจกล่าวได้ว่า
"อไจล์เป็นกระบวนการที่ช่วยลดการทำงานที่เป็นขั้นตอนและงานด้านการทำเอกสารลง’ แต่จะไปมุ่งเน้นในเรื่องการสื่อสารของทีมมากขึ้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาสินค้าและบริการใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้น แล้วจึงนำสิ่งที่ได้ไปให้ผู้ใช้กลุ่มตัวอย่าง (Target group) ทดสอบใช้งานจริง จากนั้นจึงรวมรวมผลทดสอบมาประเมินดูอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปรับปรุงสินค้าและบริการนั้นๆ ให้ดีขึ้นทีละนิด ด้วยแนวทางนี้จะทำให้องค์กรสามารถพัฒนาสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็วและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้มากขึ้นอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง"
หลักการทำงานแบบอไจล์ประกอบด้วย
-มีการทำงานแบบ Cross-functional
team คือการนำคนที่มาจากหลายสายงานที่มักมีความต่างกันมาทำงานร่วมกันอยู่ในทีมเดียวกัน
สิ่งนี้จะส่งผลให้ทีมสามารถทำความเข้าใจกับรายละเอียดของงานได้ง่ายขึ้นแล้วยังส่งผลถึงเรื่องการประสานงานกับส่วนงานต่างๆ
ที่มีความคล่องตัวมากขึ้น
-ทีมมีอำนาจในการในการตัดสินใจและกำหนดทิศทางของโครงการมากขึ้น
ส่วนใหญ่คนที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานใน Agile squad จะได้รับอำนาจในการตัดสินใจที่มากพอเพื่อไม่ให้โครงการต้องผ่านกระบวนการการขออนุมัติขององค์กรที่มักจะใช้เวลานานหมายความว่า Product Owner จะต้องมีอำนาจตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง
เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วที่สุด
-ใช้บุคลากรที่ทำงานเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะ(Dedicated resources) มีการแต่งตั้งคนที่รับผิดชอบงานในแต่ละส่วน
เพื่อโฟกัสใน Scope of work ของโครงการที่ได้รับมอบหมายมา
-แบ่งเฟสงานให้เป็นโครงการเล็กๆ
กำหนดเป้าหมายที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ และต้องส่งมอบผลงานเป็นโครงการเล็กๆ
เมื่อประเมินผลแล้วว่าอยู่ในทิศทางที่ดีจึงค่อยต่อยอดทำเพิ่มไปเรื่อยๆ
ซึ่งหากพบข้อผิดพลาดหรือจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงใดจึงจะปรับเปลี่ยนการทำงานให้เหมาะสมในแต่ละรอบไป มักเรียกวิธีการนี้ว่า Sprint
-ทุกคนสามารถรับรู้สถานะของโครงการได้อย่างชัดเจน
ทุกคนจะต้องสื่อสารและรับรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นของโครงการ
รวมทั้งรายงานความคืบหน้าของโครงการให้ทั้งทีมได้รู้
เพื่อทำให้เกิดความชัดเจนและการวัดผลได้
-เกิดการเรียนรู้อยู่เสมอเรียนรู้ข้อผิดพลาดและข้อดีได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากการทำงานเป็นรอบเล็กๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้ข้อผิดพลาดที่พบจากครั้งก่อนๆ
และ สามารถหาข้อบกพร่องตลอดจนข้อดีในการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
องค์การที่นำแนวคิดดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ จากที่ผู้เขียนได้ศึกษาคือ Spotify
การวางแนวทางการทำงานในแบบคล่องตัวสูง
เหมาะสมกับองค์กรดิจิทัลยุคนี้อย่างไร
บริษัทที่เป็นต้นแบบและถูกกล่าวถึงมากที่สุดคงหนีไม่พ้นชื่อของ Spotify
ธุรกิจให้บริการเพลงสตรีมมิ่งสัญชาติสวีเดน
ที่ได้วางโครงสร้างทีมงาน ในรูปแบบของ Agile Organization โดยมุ่งเน้นที่การจัดโครงสร้างทีมและการประสานงานระหว่างทีมเป็นหลัก
การที่ Spotify
ได้นำแนวคิดการวางโครงสร้างและบริหารองค์กรแบบนี้ Spotify จึงมีการเติบโตอย่างรวดเร็วในปี 2014 มีรายได้สูงกว่า
1.22 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 45 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้า
ซึ่งจากบทวิเคราะห์ธุรกิจ บ่งชี้ว่าความสำเร็จของบริการสตรีมมิ่งส่วนใหญ่
มาจากวัฒนธรรมองค์กรที่สร้างขึ้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ตามความคิดที่คล่องตัวอย่างที่ Spotify ใช้นี่เอง
ข้อดีของแนวคิด Agile คือ
1.เน้นความพอใจให้ลูกค้า มีการส่งมอบ software
อย่างต่อเนื่อง
2.ยอมรับความต้องการที่มีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ
3.มีการติตตามความคืบหน้าของงานตามหลักการของกระบวนการ
4.ลูกค้าและผู้พัฒนาต้องทำงานร่วมกัน
ต้องเจอกันทุกวันจนโปรเจคเสร็จ มีการพูดคุยกันในลักษณะแบบตัวต่อตัว (face-to-face)
ซึ่งเป็นแบบการสื่อสารที่ดีที่สุด
5.ไม่ซับซ้อน เรียบง่าย ทำงานเป็นทีมและทีมที่พัฒนามีความอิสระ
6.มีการปรับให้เข้ากับสถานะการณ์สม่ำเสมอ
ข้อจำกัดของแนวคิด
Agile คือ
1.ทีมพัฒนาอาจใช้วิธีนี้ไม่ได้
ถ้าลูกค้าไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวทีมพัฒนา
2.สมาชิกในทีมพัฒนาจะต้องมีทักษะด้านการปฏิสัมพันธ์ที่ดีเพราะต้องติดต่อพบปะกับลูกค้าเสมอ
3.เนื่องจากเป็นวิธีแบบทำซ้ำที่ต้องมีการพูดคุยเรื่องความต้องการหลาย ๆ
รอบทำให้มีโอกาสสูงที่ขอบเขตของโครงงานจะกว้างเกินไปไม่มีที่สิ้นสุด
4.ส่งผลเสียต่อทีมพัฒนาในเรื่องของตารางเวลานัดหมาย
และส่งผลเสียต่อผู้ใช้ในเรื่องของค่าใช้จ่าย
5.ลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการเห็นตัวงานเป็นชิ้นเป็นอันในเวลาที่ค่อนข้างสม่ำ เสมอและอยู่ในขอบเขตงบประมาณที่กำหนดไว้ตายตัว ซึ่งตรงกันข้ามกับแนวคิดของวิธีพัฒนาแบบ Agile
ข้อมูลดีมากเลยค่ะ มีการยกตัวอย่างที่ชัดเจน
ReplyDeleteตัวอักษรใหญ่ อ่านง่าย ข้อมูลละเอียดครบถ้วนดี
ReplyDeleteยกตัวอย่างองค์กรที่มาประกอบ เลยเข้าใจแนวนี้เลย
ReplyDeleteจัดเรียงเนื้อหาได้ดี และมีการแยกสีตัวอักษรทำให้เข้าใจง่ายดีครับ
ReplyDeleteข้อมูลครบถ้วนอ่านแล้วได้ความรู้เพิ่มขึ้นเลยค่ะ
ReplyDeleteติดตามผลงานอยู่นะคะะะ
ReplyDelete